ในประเทศไทยเราเองถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นในเรื่องของศิลปะ วัฒนธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง วรรณกรรมท้องถิ่นซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยอดีต เป็นเรื่องเล่าที่บอกต่อกันมายาวนานปากต่อปากจากรุ่นสู่รุ่น วรรณกรรมต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวรรณกรรมท้องถิ่นซึ่งเกิดขึ้นในแต่ละภาคนั้นเอง
ความหลากหลายของวัฒนธรรม รวมไปถึงวรรณกรรมท้องถิ่น มีให้เราได้เรียนรู้กันอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวรรณกรรมท้องถิ่นภาคกลาง ซึ่งมีหลากหลายประเภทและแต่ละประเภทก็ล้วนแล้วแต่แสดงถึงเอกลักษณ์อันโดดเด่นเฉพาะตัว ซึ่งเป็นศิลปะที่มีเสน่ห์ไม่ว่าใครที่ได้มาสัมผัสวรรณกรรมต่างๆเหล่านี้ ต่างก็หลงใหลและรักในวรรณกรรมท้องถิ่นของบ้านเรา ซึ่งวรรณกรรมท้องถิ่นภาคกลางจะประกอบไปด้วย วรรณกรรมประเภทต่างๆดังนี้
วรรณกรรมประเภทกลอนสวด เป็นวรรณกรรมซึ่งเกิดจากการประพันธ์ด้วยกาพย์ยานี กาพย์ฉบังและกาพย์สุรางคนางค์ การสวดหนังสือ เป็นการอ่านวรรณกรรมทำนองต่างๆ สัตวิหารราย หรือเป็นการสวดโอ้เอ้ศาลาราย การสวดมาลัย รวมไปถึงสวดคฤหัสถ์ การฟังบทสวดต่างๆที่เป็นทำนองของการสวดวรรณกรรมประเภทกลอนสวดนี้ นอกจากจะทำให้ผู้ฟังได้รับความเพลิดเพลิน แล้วยังได้รับคติธรรมซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถใช้ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น สังข์ศิลป์ชัยกลอนสวน โสนน้อยเรือนงาม ปลาบู่ทองเป็นตน
วรรณกรรมประเภทกลอนบทละครนอก เป็นวรรณกรรมประเภทหลอดเลือดประพันธ์เป็นตอนๆ เพื่อที่จะใช้สำหรับเป็นบทละครตอน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเลือกตอนที่มีเนื้อเรื่องที่สนุกสนานจากวรรณกรรมท้องถิ่นต่างๆ มาทำเป็นบทละคร ดังนั้น เราจะพบว่าวรรณกรรมประเภทบทละครนอก จะมีเนื้อเรื่องที่ไม่จบเรื่องบริบูรณ์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะบอกเล่าถึงเรื่องราวที่มีความเป็นมาในแต่ละช่วงที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ หรือมีความสำคัญในเรื่องนั้นๆ ละครนอกซึ่งมาจากวรรณกรรมประเภทกลอนบทละครนอก จะเป็นการแสดงของชาวบ้านนิยมเล่นกันตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ยกตัวอย่างเช่น วรรณกรรมเรื่องพิกุลทอง พระรถเมรี สังข์ทอง และมโนราห์ เป็นต้น
วรรณกรรมประเภทกลอนนิทาน เป็นวรรณกรรมที่แตกต่างจากประเภทกลอนบทละคร เพราะประเภทกลอนนิทานจะนิยมประพันธ์ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องบริบูรณ์ นิยมกันมากในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโสนน้อยเรือนงามปลาบู่ทอง นางสิบสอง เป็นต้น ส่วนใหญ่แล้วประชาชนในยุคนั้นจะนิยมซื้อนิทานเพื่อมาเล่าสู่กันฟังในครัวเรือนเพื่อความบันเทิง
วรรณกรรมประเภทกลอนแหล่ เป็นการนำเนื้อเรื่องตอนใดตอนหนึ่งในมหาเวสสันดรชาดก มาประพันธ์เป็นรูปแบบกลอนแหล่ ซึ่งจะมีชื่อเรียกกันว่า แหล่ใน หรือส่วนหนึ่งจะมีการนำบางตอนของนิทานพื้นบ้านมาประพันธ์ เรียกว่า แหล่นอก นอกจากนี้ยังมีกลอนแหล่เบ็ดเตล็ด เช่น กลอนแหล่ให้พรกลอนแหล่บายศรี หรือ กลอนแหล่ทำขวัญนาค เป็นต้น